เลเซอร์ VS ครีมลดรอยแดงจากสิว อะไรจะช่วยให้รอยแดงหายเร็วกว่ากัน?
รอยแดงจากสิว เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ รอยแดงเกิดจากการที่เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวเนื่องจากการอักเสบ แม้สิวจะหายไปแล้ว แต่รอยแดงมักยังคงอยู่ ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและส่งผลต่อความมั่นใจ การรักษารอยแดงจากสิวจึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ ซึ่งมีวิธีการรักษาหลัก ๆ คือการใช้ครีมลดรอยแดงและการทำเลเซอร์ ในบทความนี้ เราจะมาดูว่าระหว่างครีมลดรอยแดงกับเลเซอร์ แบบไหนจะช่วยให้รอยแดงหายเร็วกว่ากัน
รอยแดงจากสิวคืออะไร?

รอยแดงจากสิว (Post-inflammatory Erythema) เป็นผลจากกระบวนการอักเสบของผิวหนังเมื่อมีสิว โดยรอยแดงเหล่านี้จะเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวที่ยังคงขยายตัว แม้สิวจะหายแล้วก็ตาม รอยแดงจะแตกต่างจากรอยดำที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน โดยรอยแดงมักพบในผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวที่ไวต่อการอักเสบ และอาจใช้เวลานานในการรักษาหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
การรักษารอยแดงจากสิว
1. ครีมลดรอยแดง

ครีมลดรอยแดงจากสิวเป็นวิธีการรักษาที่เข้าถึงง่ายและราคาไม่แพง โดยครีมเหล่านี้มักประกอบด้วยส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เช่น
- ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) วิตามินบี 3 ที่ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน และฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้น การใช้ไนอาซินาไมด์เป็นประจำช่วยให้รอยแดงจากสิวจางลง
- วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนรอยแดง นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด แต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความคงตัวของวิตานินซี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
- อาร์บูติน (Arbutin) สารสกัดธรรมชาติที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวส่วนเกิน ส่งผลให้รอยแดงดูจางลงและผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
การใช้ครีมลดรอยสิวนั้นต้องใช้เวลา และต้องหมั่นทาครีมอย่างสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังผ่านไป 4-8 สัปดาห์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยแดงเล็กน้อยถึงปานกลาง
2. เลเซอร์ลดรอยแดง


เลเซอร์เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษารอยแดงจากสิว ได้แก่
- PicoCare โปรแกรม: เลเซอร์พลังงานสูงที่สามารถแก้ปัญหารอยแดง รอยดำ และจุดด่างดำบนผิวหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
- Sylfirm X Plus: เป็นเทคโนโลยีการเลเซอร์ที่ช่วยแก้ปัญหารอยแดงจากเส้นเลือดฝอยและช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวได้ลึกถึงชั้นผิว
- PRO-YELLOW LASER เลเซอร์หน้าใส: เลเซอร์ชนิดพิเศษที่ช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดเลือนรอยแดงและจุดด่างดำให้ดูจางลงเร็วขึ้น
การทำเลเซอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยแดงลึกหรือกว้างมาก เลเซอร์เพียงไม่กี่ครั้งก็เห็นผล แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการใช้ครีม และในคนไข้บางรายอาจมีผลข้างเคียง เช่น ผิวบวมแดง หรือไวต่อแสงแดดขึ้นหลังทำเลเซอร์ ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะหายได้เองตามธรรมชาติภายใน 1-2 วันหลังการทำ ไม่มีผลกระทบในระยะยาว
เปรียบเทียบระหว่างครีมลดรอยสิวและเลเซอร์
ปัจจัย | ครีมลดรอยแดง | เลเซอร์ลดรอยแดง |
ประสิทธิภาพ | เห็นผลช้า ใช้เวลาหลายสัปดาห์ | เห็นผลเร็วภายในไม่กี่วัน |
ราคา | เข้าถึงง่าย ราคาถูก | ค่าใช้จ่ายสูงต่อครั้ง |
ผลข้างเคียง | ผลข้างเคียงน้อย อาจมีการระคายเคืองบ้าง | มีโอกาสผิวแดงหรือไวต่อแสง |
ความเสี่ยง | มีความเสี่ยงในการแพ้สารสกัด และเกิดผื่นแพ้รุนแรง | ติดเชื้อหากคนไข้ดูแลผิวหลังการทำไม่ดี |
เหมาะสำหรับ | รอยแดงเล็กน้อยถึงปานกลาง | รอยแดงลึกหรือกว้างมาก |
แบบไหนลดรอยแดงได้ดีกว่า?
การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของรอยแดงและงบประมาณ หากคุณมีรอยแดงเล็กน้อยและมีเวลาในการดูแล ครีมลดรอยแดงอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและพร้อมลงทุน การทำเลเซอร์จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

รอยแดงจากสิวอาจสร้างความรำคาญใจให้กับหลายคน แต่ก็สามารถรักษาได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมลดรอยแดงหรือการทำเลเซอร์ การดูแลผิวอย่างถูกวิธีและการป้องกันการเกิดสิวใหม่จะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาเรียบเนียนและสดใสอีกครั้ง อย่าลืมดูแลสุขภาพผิวอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองคิวปรึกษาแพทย์ได้ที่
นิติธรรมคลินิก กรุงเทพ (สีลม)
โทร: 095-289-9998
Line: @nitithamclinic
Facebook: นิติธรรม คลินิก
นิติธรรมคลินิก พิษณุโลก
โทร: 055-303899, 097-251-3390
Line: @nitithamclinic
Facebook: นิติธรรม คลินิก